เก๋งปีนฟุตบาธชนกำแพงปูนพังยับ

จันทร์ที่ 18 กรกฎาคม 2559 เวลา 10.34 น.

หนุ่มซิ่งเก๋งเสียหลักปีนฟุตบาธชนต้นไม้และกำแพงปูนร้านขายอาหารตามสั่งได้รับความเสียหาย ตำรวจคาดคนขับหลับใน



ที่มา ; www.youtube.com/

Read More

• Share

จนท.พบกระดูกเด็กเพิ่ม "ตา"เชื่อเป็น"น้องแพรว"

กรณีพบกะโหลกศีรษะเด็กอายุไม่เกิน 2 ขวบ ในสวนสมรม หมู่ 3 ต.ท่าดี อ.ลานสกา จ.นครศรีธรรมราช จนชาวบ้านจับกลุ่มวิพากษ์วิจารณ์ว่าอาจจะเป็นของ "น้องแพรว" หรือ ด.ญ.ขวัญฤทัย เพชรสุวรรณ วัย 1 ขวบ 9 เดือน ที่หายตัวออกไปจากบ้านเมื่อเกือบ 4 เดือนก่อน เนื่องจากจุดที่พบกะโหลกอยู่ไม่ไกลจากบ้านของเด็กมากนัก ดดยเบื้องต้นตำรวจและทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องคาดว่า น้องแพรว น่าจะถูกคนใกล้ชิดอุ้มหายตัวไป ตั้งแต่วันที่ 18 มี.ค. ที่ผ่านมา หรือเกือบ 4 เดือนมาแล้ว ตามที่ได้เสนอข่าวไปแล้วนั้น ความคืบหน้าในเรื่องนี้ เมื่อวันที่ 18 ก.ค. ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตำรวจพร้อมด้วยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐาน และหน่วยกู้ภัยรัศมีมณีรัตน์ (กู้ภัยมังกร) ได้เดินทางขึ้นไปตรวจสอบบริเวณจุดที่พบกะโหลกศีรษะเด็กในรัศมี 100 เมตรอย่างละเอียดอีกครั้ง เพื่อหาพยานหลักฐานเพิ่มเติม โดยมี นายสงัด ดำจันทร์ อายุ 61 ปี และ นางพนัสดา ดำจันทร์ อายุ 58 ปี ตาและยายของน้องแพรว รวมทั้งชาวบ้านร่วมค้นหา

 ทั้งนี้ เจ้าหน้าที่ได้พบกระดูกชิ้นส่วนต่างๆเพิ่มเติม ห่างจากจุดที่พบกะโหลกประมาณ 10 เมตร โดยชิ้นส่วนกระดูกที่พบขนาดใหญ่ที่สุดคือกระดูกขา ซึ่งมีหนังหุ้มกระดูกแห้งติดกระดูก มีสีดำคล้ายถูกเผา ความยาวตั้งแต่ต้นขาจนไปถึงปลายเท้า รวมทั้งกระดูกชิ้นส่วนอื่นๆอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งพอจะระบุได้ชัดเจนว่าทั้งหมดเป็นของเด็กอายุไม่เกิน 2 ขวบ อย่างไรก็ตามยังขาดกระดูกแขน 2 ข้าง กระดูกช่วงคอ และกระดูกสันหลัง ซึ่งเจ้าหน้าที่ได้เก็บชิ้นส่วนกระดูกไว้รอผลการตรวจสอบดีเอ็นเอให้แน่ชัดว่าเป็นน้องแพรวหรือไม่ และจะเข้ามาค้นหาชิ้นส่วนกระดุกและหลักฐานอื่นๆเพิ่มเติมอีกครั้งในวันพรุ่งนี้ ขณะที่ความคืบหน้าของคดียังไม่มีเจ้าหน้าที่ตำรวจหรือผู้เกี่ยวข้องรายใดยอมออกมาเปิดเผยรายละเอียด โดยอ้างเพียงว่ากะโหลกและกระดูกที่พบยังไม่สามารถยืนยันได้ว่าเป็นของ น้องแพรว ที่หายตัวไป จึงยังเปิดเผยและระบุอะไรไม่ได้ ต้องรอให้ผลการตรวจดีเอ็นเอออกมาให้ชัดเจนเสียก่อน ขณะที่ญาติๆ ของน้องแพรวหลายคนแสดงความไม่พอใจสื่อมวลชนที่เข้าไปทำข่าว โดยอ้างไปในทางเดียวกับเจ้าหน้าที่ว่า ขอรอผลการตรวจดีเอ็นเอให้ชัดเจนเสียก่อน มีเพียง นายสงัด คุณตาของน้องแพรวคนเดียวเท่านั้นที่ยืนยันว่า จำเส้นผมและลักษณะกะโหลกศรีษะที่พบได้ชัดเจนว่าเป็น น้องแพรว อย่างแน่นอน แต่ส่วนสาเหตุการหายตัวไป ไม่น่าจะมาจากถูกอุ้มไปเพื่อทวงหนี้ผิดกฎหาย หรือหนี้สินจากยาเสพติดตามที่เป็นข่าว.

ที่มา ; http://www.dailynews.co.th/

Read More

• Share

ดูหรือยัง!! เมื่อพิธีกรสัมภาษณ์นักตบญี่ปุ่น "เพราะอะไรถึงพลิกกลับมาเอาชนะไทยได้" นี่คือคำตอบของพวกเธอ ทำเอาเงิบกันเลยแหละ

วันนี้สยามอัพเดทนำเรื่องราวของโลก โซเชียลได้มีการเผยแพร่ภาพการสนทนาในช่วงหนึ่ง ของรายการทีวีในประเทศญี่ปุ่น ที่ได้มีการเชิญ นากาโอกะ, ซาโกดะ, และซาโอริ นักวอลเลย์บอลหญิงญี่ปุ่นมาเป็นแขกรับเชิญ ร่วมพูดคุยในครั้งนี้ จากภาพเผยให้เห็นอาการของเหล่านักตบสาวญี่ปุ่น หลังจากโดนพิธีกรยิงคำถามว่า "เพราะอะไรถึงกลับมาเอาชนะทีมไทยได้" เจอคำถามนี้เข้าไป นักตบสาวทั้งสามถึงกับตอบไม่ถูก มองหน้ากันแล้วหัวเราะ คงคิดคำตอบไม่ทันแน่
เพราะอะไรถึงชนะกันนะ

งง งง

อ้าว อะไรๆ

หือ ว่าไง

 หัวเราะใหญ่กันนะ แหม่มม

แหม!! พิธีกรก็ถามคำถามซะหาคำตอบไม่ได้เลยนะคะ เชื่อว่าบทสนทนานี้คงถูกอกถูกใจ และสะใจคนไทยหลายๆคน แต่ด้วยน้ำใจนักกีฬา เราก็ต้องให้อภัยแหละค่ะ

ที่มา : http://www.siamupdate.com/news-182997

Read More

• Share

จำได้ไหม !!“คู่รักปอ” หลังฝ่ายชายตายในหน้าที่ 2 ปี ล่าสุด “ปอหญิง” ต้องกลายเป็นแบบนี้แล้ว !?

สถานะ แม่หม้ายตั้งแต่ยังสาว จะทนได้แค่ไหน จะอยู่ตัวคนเดียวยังไง นี่คือภาพปอ ที่หลายคนคิดตอนนี้
ยิ่งตอนนี้พอ Pilot Por’s Gallery อาณาจักรแห่งความคิดถึงสุดหัวใจสำเร็จเป็นรูปเป็นร่าง ได้รับการต้อนรับจากลูกค้าอย่างอบอุ่น
ปอก็เริ่มจะเนื้อหอมค่ะ (เค้าลืมไปแล้วว่า ปอมาจากติดลบ ตะเกียกตะกายมีชีวิตรอด ทำมาหากินส่งหนี้ทั้งๆที่หัวใจแหลกสลายในวันที่สามีตาย ) วันนี้ภาพภายนอกที่คนที่ไม่รู้จักมองเพียงผิวเผินและตัดสินปอไปแล้วคือ

แม่หม้าย ผัวตาย ยังสาว แถมตอนนี้ดูมีสตางค์ ( แค่ดูเหมือนมีตังค์นะ ) มีกิจการร้านอาหาร เครื่องสำอางค์ อีกไม่นานคงมีผู้ชายเข้ามาวนเวียนในชีวิต
ไม่ผิดหรอกค่ะ ที่คนจะคิดแบบนั้นเป็นเรื่องปกติ
แต่อย่าลืมว่า กฎทุกกฎมีข้อยกเว้น
ในส่วนใหญ่ ก็ยังมีส่วนน้อย

ปอกับปอชายเอง เราสองคนมันดันเป็นคนที่ซื่อตรงและศรัทธาต่อความรักเดียวในระดับที่มากด้วยกันทั้งคู่ ผัวเมียคู่นี้จึงเสริมกัน อยู่ด้วยกันแล้วเหมือน ‪#‎มวยถูกคู่‬
สามีปอจากโลกนี้ไปอย่างสง่างาม ปอเป็นภรรยาปอก็ยอมไม่ได้เหมือนกัน ถ้าจะต้องตายก็อยากตายอย่างสะอาด ให้สมกับสามี
ความสูญเสียสามีอันเป็นที่รักยิ่ง ความสำเร็จทรัพย์สินนอกกาย อะไรมากมายแค่ไหนก็มาทดแทนให้ปอไม่ได้หรอกค่ะ
แต่ชีวิตที่เหลือ มันยังหายใจ มันยังมีหน้าที่ ‪#‎ความรับผิดชอบ‬ ผลักดันให้ปอต้องสู้ เพื่อจะดำรงชีวิตอยู่อย่างคนที่รักเกียรติรักศักดิ์ศรี ………. ไม่ให้ใครว่าได้ว่า
” ‪#‎ผัวตายแล้วไปไม่รอดทำมาหากินไม่เป็นอีกหน่อยต้องหาคนเลี้ยง‬ ”
นี่เป็นแรงขับเคลื่อนให้ปอยิ่งต้องขยันทำมาหากิน เพราะถ้าไม่ใช่ปอชายแล้ว ปอไม่ยินดีให้ใครเข้ามาดูแลจัดการชีวิตปอทั้งนั้น ผู้ชายที่ไหนก็ไม่มีสิทธิขึ้นมาเทียบกับสามีของปอ ‪#‎เพราะปอไม่ยอมให้ใครสมน้ำหน้าปอชาย‬ ไม่ยอม !!!! ปอถึงต้องสู้ขนาดนี้
วันนี้ ปอได้คุยกับพี่ที่รู้จักท่านนึง พี่เค้าเห็นชีวิตปอและตั้งคำถามว่า ” จะทำอะไรมากมาย ผู้หญิงตัวคนเดียว ไม่เหนื่อยหรอ เป็นเหมือนหนูถีบจักร แบบนี้ จะเกษียณตัวเองได้เมื่อไหร่ ??? ”

ปอถึงได้มีเวลามานั่งคิดว่า
‪#‎ทุกวันนี้เป้าหมายที่ปอต้องสะสางที่เหลือในชีวิตมีอะไรบ้าง‬ ถึงต้องลิสและประกาศตัวออกมา เพื่อไม่ให้ชีวิตไร้จุดหมายผิดทิศผิดทาง โพสนี้เพื่อย้ำเตือนสิ่งที่ตัวเองต้องทำ และ ‪#‎ไม่สร้างบ่วงใหม่ขึ้นมาพัวพันไม่จบสิ้น‬
ต้องขอบคุณคำถามที่เตือนสติ ว่าจะหยุดเมื่อไหร่ กับทางโลก
ชีวิตตอนนี้มีแค่เรื่อง งาน กับ ความคิดถึง ปอชาย
ทำงาน ทำงาน ทำงาน และคิดทำงาน สู้เพื่อเป้าหมายที่วางเอาไว้ ว่าจะทำแกลอรี่ปอชายให้สมบูรณ์แบบที่สุด อยู่เล่าเรื่องราวแทนปอ …. วันที่ไปเจอกับปอชายแล้ว ก็ตายไปอย่างคนที่เนื้อตัวสะอาดไม่มีหนี้สินติดตัวให้ใครลำบาก เป้าหมายที่เหลือ

ที่มา : http://www.siamupdate.com/news-183005

Read More

• Share

แทบตาหลุด!! เมื่อ "ชมพู่" โชว์หวิว หันมาเห็น กกน. สู้แฟลชแบบนี้ หลุดหรือยังไงค่ะพี่ชม!!

นางเอกสาว “ชมพู่” อารยา เอ ฮาร์เก็ต จัดหนักจัดเต็ม ในงานเปิดตัวพรีเซ็นเตอร์ มิสทินไวท์สปา กลูต้าไธโอน ยูวีไวท์ ที่ทาง มิสทิน ร่วมกับ วุฒิศักดิ์ จัดงานขึ้นเมื่อวันก่อน โดย สาวชมพู่-อารยา ในชุดเดรสแหวกขาสูงหันหน้าทาครีมหันหน้าสู้แฟลชช่างภาพ แถมเสร็จสิ้นงานยังถามกลับผู้สื่อข่าวว่า เซ็กซี่หรือเปล่าล่ะ พร้อมบอกชิวๆ แค่ชุดทาครีมเท่านั้น
โดยผู้สื่อข่าวรายงาน นางเอกสาว ชมพู่-อารยา เรียกเสียงแฟลชตั้งแต่ปรากฏตัวในชุดเดรสยาวสีน้ำเงินแหวกขาสูงที่อวดเรียวขา และขับผิวขาวเด้งสมเป็นพรีเซ็นเตอร์ครีมทาผิว แต่สิ่งที่ทำให้เรียกเสียงฮือฮาจากทุกคน รวมทั้งบรรดาช่างภาพที่รัวชัตเตอร์ตบแฟลชกันแบบไม่ยั้ง ก็เมื่อ สาวชมพู่-อารยา หย่อนตัวลงนั่งบนเก้าอี้บนเวที พร้อมกับเริ่มลูบไล้ทาครีมบนผิวกาย ตั้งแต่แขนจรดขา พร้อมทั้งยังนั่งหันหน้าเข้าหาช่างภาพ โดยชุดเดรสแหวกขาสูงได้ร่นขึ้น จนอวดลิงสีครีมตัดกับชุดสีน้ำเงินที่สวมใส่ โดยนางเอกสาวชมพู่-อารยา ไม่ได้โชว์ความกังวลแต่อย่างใด แถมยังส่งยิ้มใส่กล้องทุกตัวอย่างมืออาชีพ  อย่างไรก็ตาม ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงหลังจากเสร็จสิ้นจากพิธีกรบนเวที  เมื่อผู้สื่อข่าวได้ชมว่า เซ็กซี่จังเลย  สาวชมพู่-อารยา ก็ยังย้อนถามแบบยิ้มๆ ว่า เซ็กซี่หรือเปล่าล่ะ เมื่อผู้สื่อข่าวยืนยันคำชมเดิมว่า เซ็กซี่ สาวชมพู่-อารยา ก็ยังบอกว่า เป็นชุดทาครีม ซึ่งคาดว่าการสวมเดรสแหวกขาสูง โชว์ทาครีมหันหน้าสู้ตากล้องครั้งนี้ สาวชมพู่-อารยา น่าจะมีการเซฟตี้มาเป็นอย่างดี แม้ว่าจะมีการอวดลิงครีมให้เห็นจะจะก็ตาม อาจจะต้องการโชว์ความขาวถึงเรียวขาอ่อนนั่นเอง

ที่มา : http://www.sbt.co.th

Read More

• Share

เล่าเหตุฉากต่อฉาก ตอนถูกงูกันเจ้าโลก ทรมานเจ็บสาหัสแต่ต้องทำแบบนี้ไว้ โอ๊ยฟังแล้วสยอง!???

งูเหลือม 3 เมตรโผล่คอห่าน งับจู๋หนุ่มนั่งปลดทุกข์ ร้องลั่นห้องน้ำตั้งสติได้คว้าคองูบีบแน่น ก่อนเรียกให้เมียช่วย ผงะเลือดสาดเต็มห้อง ยื้อกันพักใหญ่ เพื่อนบ้านกรูช่วย ง้างปากเอาเจ้าโลกออก หนุ่มแทบหมดสติ ก่อนเอาเทปกาวรัดปากงู เชือกกล้วยผูกคอ มัดกับประตูห้องน้ำ หามส่งโรงพยาบาล หมอเย็บแผลอาการปลอดภัย เจ้าตัวเผยขณะนั่งปลดทุกข์รู้สึกเหมือนอะไรมากัดปลายอวัยวะเพศ ก้มลงดูถึงกับตะลึง เห็นงูเหลือมตัวเขื่อง ไม่กล้ากระชากออก เพราะฟันงูคม กลัวขาด ยังผวาไม่กล้านั่งโถส้วมอีก จะเปลี่ยนมาใช้กระโถนแทน

เมื่อ เวลา 07.00 น. วันที่ 25 พ.ค. เจ้าหน้าที่หน่วยกู้ภัยฉะเชิงเทรา ได้รับการร้องขอให้เข้าไปช่วยเหลือผู้ชายถูกงูเหลือมกัดที่อวัยวะเพศได้รับ บาดเจ็บสาหัส ที่บ้านพักแห่งหนึ่ง ในพื้นที่ต.บางวัว อ.บางปะกง จ.ฉะเชิงเทรา จึงนำอุปกรณ์จับงูก่อนรุดไปตรวจสอบพร้อมเจ้าหน้าที่กู้ภัยจำนวนหนึ่ง

ที่ บ้านหลังดังกล่าว จากการตรวจสอบในห้องน้ำพบคราบเลือดจำนวนมาก ส่วนผู้บาดเจ็บ เป็นชายเจ้าของบ้านถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลจุฬารัตน์ 11 ไปก่อนหน้านี้แล้ว นอกจากนี้ยังพบว่าที่บริเวณโถส้วมนั่งยอง มีงูเหลือมถูกมัดปากด้วยเทปกาวใส และที่คอผูกด้วยเชือกกล้วยและใช้เชือกมัดตัวงูกับประตู โดยพบว่ายังมีชีวิตอยู่ลักษณะชูหัวขึ้นมาจากโถส้วม ส่วนลำตัวยังติดค้างอยู่ภายในไม่สามารถนำออกมาได้ จากนั้นเจ้าหน้าที่จึงได้นำน้ำมาล้างคราบเลือด ก่อนใช้เครื่องมือตอกสกัดฐานโถส้วมโดยใช้เวลาประมาณ 5 นาที จึงสามารถยกโถส้วมออกแล้วทุบโถให้แตกก่อนดึงตัวงูที่ติดอยู่ออกมา ก็พบว่ามีความยาวกว่า 3 เมตร หลังจากนั้นจึงนำปล่อยคืนสู่ธรรมชาติต่อไป

จาก การสอบถามภรรยาผู้บาดเจ็บเล่าให้ฟังว่า เมื่อช่วงเช้าที่ผ่านมาสามีได้เข้าห้องน้ำเพื่อทำธุระตามปกติ จากนั้นก็ได้ยินเสียงสามีร้องขอความช่วยเหลือ จึงรีบวิ่งเข้าไปดูในห้องน้ำก็พบว่างูเหลือมขนาดใหญ่กัดเข้าที่ปลายอวัยวะ เพศ เลือดไหลนองเต็มพื้น โดยทั้งสามีและงูต่างยื้อกันไปมา ในมือยังคงกำงูไว้แน่น และไม่สามารถดึงออกได้เพราะงูกัดแน่นมาก

"หลัง จากนั้นสามีก็ให้ตนไปเอาเชือกและเทปกาวใสมารัดงูไว้ พร้อมนำเชือกกล้วยมาคล้องอีกชั้นเพื่อให้งูอ่อนแรงลง ก่อนที่จะตะโกนให้เพื่อนบ้านมาช่วยกันเอางูออกแล้วรีบนำตัวสามีส่งโรงพยาบาล ทันที เพราะเสียเลือดมาก ก่อนเรียกกู้ภัยให้มาจับงูดังกล่าว ส่วนอาการของสามีแพทย์ได้ผ่าตัดเย็บแผลจนอาการปลอดภัยแล้ว แต่ต้องนอนรอดูอาการและป้องกันการติดเชื้อ ซึ่งงูตัว ดังกล่าวคาดว่าน่าจะเข้ามาจากท่อน้ำทิ้ง" ภรรยาผู้บาดเจ็บกล่าว

ขณะ ที่ผู้บาดเจ็บซึ่งยังคงนอนรักษาตัวอยู่ที่โรงพยาบาล พร้อมเปิดเผยว่า เมื่อช่วงเช้าได้เข้าห้องน้ำทำกิจวัตรประจำวันตามปกติ และมองไปที่โถส้วมก็ไม่พบสิ่งแปลกปลอม จึงนั่งยองๆ ลงไป ผ่านไปประมาณ 5 นาที ก็รู้สึกว่ามีอะไรมากัดที่ปลายอวัยวะเพศ จึงก้มลงมองก็ต้องตกใจ เมื่อพบว่าเป็นงูเหลือมขนาดใหญ่ จึงใช้มือคว้าคองูไว้ทันทีและรู้สึกเจ็บปวด ขณะนั้นเลือดเริ่มไหลออกมามาก เพราะงูกัดโดนเส้นเลือดใหญ่ พอตั้งสติได้ก็ร้องตะโกนเรียกภรรยาให้ตามคนมาช่วย

ผู้บาด เจ็บกล่าวต่อว่า หลังจากนั้นจึงใช้เทปใสพันปากไว้ และนำเชือกกับเชือกกล้วยมามัดคองูไว้ เพราะไม่กล้ากระชากงูออก เนื่องจากทราบว่าฟันของงูเหลือมคมมาก หากดึงออกจะทำให้อวัยวะเพศฉีกขาด จากนั้นพอเห็นว่างูเหลือมเริ่มอ่อนแรงลง จึงพยายามงัดฟันง้างปากงู จนตัวงูหลุดออกไปได้ ก่อนที่ตนจะถูกพาตัวส่งโรงพยาบาล และมาหมดสติที่โรงพยาบาลเนื่องจากตนเสียเลือดมาก ซึ่งตนก็ไม่เคยคิดว่าจะมีงูเลื้อยโผล่ขึ้นมาจากคอห่าน ทำให้ต่อไปนี้ไม่กล้านั่งอีกแล้วจะเปลี่ยนมานั่งกระโถนแทนด้วยความกลัว

ที่มา : http://www.siamupdate.com/news-182999

Read More

• Share

เฮ้นจริงหรอ !! จิ๊บ คีตภัทร” จากหน้าขาวใสๆ ถึงกลายเป็นแบบนี้ !! เห็นแล้วอึ้งสลบ

มีเรื่องให้ตกอกตกใจหนักมว๊ากกกกก สำหรับนักแสดงสาวช่อง 7 จิ๊บ คีตภัทร คนเดิม เพิ่มเติมคือมีตุ่มและผื่นแดงขึ้นเต็มหน้าขนาดนี้!! นี่ก็ไม่รู้ว่าไปทำอะไรมา สงสัยจะเข้าคลีนิคผิดซะแล้วละมั้ง จากหน้าขาวใสๆ เนียนกริบแล้วมาเจอเยี่ยงนี้คงจะเครียดไม่น้อย โชคดีที่ตอนนี้เธอสามารถรักษาใบหน้าให้กลับมาสวยหน้าใสเป็นปกติได้แล้ว เอ้า… สาวๆ รักสวยรักงามจะไปขัดหน้าขัดตาหรือจะใช้ผลิตภัณฑ์อะไรก็ระวังกันด้วยนะจ๊ะ…

ที่มา : http://www.siamupdate.com/news-183006

Read More

• Share

เอาละสิ!! คดีพ่อข่มขืนลูก หลังจากที่พ่อเด็ก 8 ขวบ กลับคำรับสารภาพ เมียออกมาพูดเรื่องคราบอสุจิสามีแบบนี้ !???

สยามอัพเดทได้รับรายงานเพิ่มหลังจากที่ตำรวจได้นำหมายศาลจังหวัดตรัง จับกุมนายกิตติศักดิ์ พ่อของเด็กหญิงวัย 8 ขวบ หลังจากที่พยานหลักฐานทางนิติวิทยาศาสตร์ เป็นคราบอสุจิปรากฏชัดที่เสื้อผ้าและร่างกายของเด็กหญิง
นางศลิษา กล่าวว่า ยังไม่เชื่อว่าสามีตัวเองกระทำกับลูก เพราะไม่มีพิรุธอะไร หากกระทำผิดก็ต้องหลบหนีไปแล้ว ยังให้ความร่วมมือกับทางตำรวจ และให้ข่าวกับผู้สื่อข่าวทุกๆ คน ผลทางนิติวิทยาศาสตร์นั้นตนเองยังไม่เชื่อ

ที่ทางตำรวจนำมาเป็นพยานหลักฐานมาจับกุมสามีของตนเอง เพราะคราบอสุจินั้น อาจจะมาจากที่พ่อของเด็กเมื่อเสร็จภารกิจกับตน ก็เคยมีครั้งหนึ่งที่เขาขี้เกียจเข้าห้องน้ำ ก็ใช้เสื้อผ้าเช็ด พยานหลักฐาน

อันนี้ตำรวจอาจจะนำไปเป็นตัวอย่าง และออกหมายจับสามีของตนเอง หากพบคราบอสุจิที่เสื้อผ้าเด็กก็อาจจะเป็นชิ้นนี้ ดังนั้นตนจะเชื่อผลการตรวจดีเอ็นเอมากกว่า หากผลออกมาก็ต้องยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น แต่นี้พยานหลักฐานยังคลุมเครือ

แม่รักลูกมากว่าสามี หากตำรวจเอาแค่หลักฐานในห้องนอน มันก็มีคราบอสุจิอยู่แล้วซึ่งเป็นของพ่อ หากพ่อกระทำต่อลูก ก็เสียทั้งพ่อทั้งลูก สามีเรามีความต้องการในเรื่องนั้นสูงหรือไม่เรื่องนี้เรารู้อยู่คนเดียว แม่ไม่เข้าข้างสามี แต่ขอรอผลการตรวจดีเอ็นเอ

ตนเองยังสงสัยบาดแผลที่คอของสามีที่ผูกคอ 2 แผล และได้ถามเขาว่าทำไมถึงคิดฆ่าตัวตายก็ได้รับคำตอบว่าเครียด ที่ถูกตำรวจกดดัน สอบสวนทั้งวันคืนให้รับสารภาพ และกระทำกับลูกหรือไม่ เขาก็บอกว่าไม่ แล้วทำไหมรับสารภาพเพราะทนแรงกดดันจากตำรวจไม่ไหว ส่วนเรื่องประกันตัวสามีไม่มีเงินและหลักทรัพย์แน่

ส่วนงานศพของลูก ยังไม่เผา รอผลทางคดีให้เสร็จสิ้นเสียก่อน หากผล ดีเอ็นเอ ออกมาพบว่าพ่อทำกับลูกจริงๆ ก็ยอมรับ ลูกของตนบอกได้ว่าใครทำกับพี่สาวของเขา มีด้วยกัน 2 คน หากคนๆ นั้นร่วมกระทำกับสามีตนจะเชื่อ ตอนนี้คนทั่วไปเขามองว่า แม่เข้าข้างสามี หากเข้าข้างสามี จะไม่ส่งศพลูกไปทำการชันสูตรพลิกศพอย่างแน่นอน

ทั้งนี้ เมื่อช่วงค่ำวานนี้ นายกิตติศักดิ์ได้กลับคำให้การ ว่าไม่ได้เป็นผู้กระทำข่มขืนบุตรสาว แต่เจ้าหน้าที่ยังมั่นใจในพยานหลักฐานที่เก็บได้ในที่เกิดเหตุ และรอผลตรวจดีเอ็นเอจากโรงพยาบาลสงขลานครินทร์ที่จะออกมาภายในสัปดาห์นี้

ที่มา : http://www.siamupdate.com/news-182995

Read More

• Share